กุญแจดิจิทัล ทันสมัย แต่อาจปลอดภัยไม่มากพอ

ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เชื่อว่าบางคนเลือกที่จะเดินทางไปพักผ่อนในที่ต่างๆ บ้างเลือกไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด บ้างไปต่างประเทศ ซึ่งอาจต้องมีการจองที่พัก… กรณีนี้มีใครเคยสังเกตมั้ยว่า คีย์การ์ดสำหรับปลดล็อคประตูห้องพักนั้นปลอดภัยแค่ไหน?

เริ่มจากความกังวลเรื่องไซเบอร์

จากคีย์การ์ดห้องพัก มาสู่ Apple Wallet และ Google Wallet ที่กลายเป็น กุญแจดิจิทัล และถูกใช้แทนคีย์การ์ดเข้าห้องพัก เพื่อลดปัญหา “ความปลอดภัยทางไซเบอร์” และ “ความปลอดภัยภายในโรงแรม” นี่คืออีกรูปแบบเทคโนโลยีที่เครือโรงแรมหลายแห่งในต่างประเทศ เร่งดำเนินการเพื่อนำมาใช้แทนระบบล็อคประตูห้องพัก เพียงแค่แตะด้านหลังโทรศัพท์กับเครื่องสแกนที่ประตู

ตัวอย่างการใช้งานของโรงแรม 

โรงแรม Harpeth ในเมืองแฟรงคลิน รัฐเทนเนสซี ซึ่งมีห้องพัก 119 ห้อง เป็นโรงแรมในเครือของ Hilton ได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความปลอดภัยให้กับแขกในโรงแรม โดยมีแอปพลิเคชัน Honors ช่วยให้แขกที่เข้ามาพักทำการเช็คอินและใช้กุญแจดิจิทัล เปิดห้องพักผ่านสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งกุญแจจะถูกเก็บไว้ในแอป Wallet ของ Google หรือ Apple 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบางคนก็เตือนว่าวิธีการแบบใหม่นี้ ยังไม่สมบูรณ์แบบซะทีเดียว โดย Lee Clark, Cyber Threat Intelligence Production Manager จาก Retail and Hospitality Information Sharing and Analysis Center (RH-ISAC) มองว่า การกุญแจดิจิทัล แทนการใช้คีย์การ์ดรูปแบบเดิมๆ อาจถูกโจมตีได้หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม เช่น การใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (MFA) 

ใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง

แม้จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำ แต่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้าพักและความพร้อมด้านเทคโนโลยีก็เป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะจากการวิจัยพบว่า มีเพียง 14% ของผู้เข้าพักที่ใช้กุญแจดิจิทัล และหลายโรงแรมยังไม่มีระบบที่รองรับกุญแจดิจิทัลนี้

ข้อมูลของ JD Power ยังระบุว่า แขกผู้เข้าพักที่ใช้กุญแจดิจิทัลมักรู้สึกปลอดภัยมากกว่าการใช้คีย์การ์ดแบบดั้งเดิม เห็นได้จากรีวิวคะแนนด้านความปลอดภัยที่สูงกว่าผู้ที่ใช้คีย์การ์ดแบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ด้าน Chad Spensky ซีอีโอ Allthenticate ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาระบบจัดการการเข้าถึงและรับรองข้อมูลประจำตัวบนสมาร์ทโฟน ได้เปรียบเทียบคีย์การ์ดแบบดั้งเดิมกับรหัสผ่าน โดยมองว่า แม้ว่าคีย์การ์ดแบบดั้งเดิมจะยังได้รับความนิยมมากกว่า แต่ก็ไม่ปลอดภัย ขณะที่ กุญแจดิจิทัล แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าให้แก่ผู้ใช้บริการ รู้สึกถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัย นั่นเพราะผู้คนส่วนใหญ่ชอบใช้สมาร์ทโฟนในการจัดการสิ่งต่างๆ มากกว่าการใช้คีย์การ์ดพลาสติกหลายๆ ใบ 

ส่วน Mehmet Erdem, Professor และ Chair Of The Department Of Resort มองว่า ปัจจุบันยังไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ เพราะยังสามารถถูกแฮ็กได้ จึงไม่ควรละเลยที่จะใช้ระบบคีย์การ์ดแบบดั้งเดิมควบคู่ไปด้วย โดยควรเป็นคีย์การ์ดแบบ RFID ที่มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ทำงานด้วยคลื่นแม่เหล็ก หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แทนการสัมผัสทางกายภาพ ในส่วนของแอปพลิเคชันก็อาจเป็นแอปฯ ของโรงแรมที่สามารถกดรับกุญแจได้ โดยไม่ต้องไปติดต่อหน้าเคาน์เตอร์ 

ที่มา : CNBC