DPO คืออะไร เกี่ยวข้องกับ PDPA อย่างไร
การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือที่ใครหลายคนคุ้นเคยในชื่อ PDPA ซึ่งเป็นกฏหมายที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างเต็มรูปแบบคืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนทำให้หลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพราะกฏหมายได้กำหนดให้องค์กรที่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดภายในองค์กร รวมไปถึงกำหนดทิศทางต่าง ๆ ตามที่กฏหมายได้ กำหนดไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญนี้จะถูกเรียกว่า DPO แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า DPO คือ ใคร และเกี่ยวข้องกับกฏหมาย PDPA อย่างไรบ้าง
DPO ย่อมาจาก Data Protection Officer คือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นผู้มีหน้าที่สำคัญในการจัดการดูแล และตรวจสอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง ตรงตามหลักกฎหมาย PDPA อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งที่กฎหมาย PDPA กำหนดให้บางองค์กรที่เข้าเกณฑ์นี้ ต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ DPO ขึ้นด้วย
DPO ที่ดีต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- มีความรู้–เข้าใจในพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
- เป็นนักสื่อสารที่ดีเพราะประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆและทีมต่างๆภายในองค์กร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายได้ สามารถอธิบายให้คนในองค์กรเข้าใจภาพรวมของการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายได้ รวมไปถึง อาจจำเป็นต้องมีหน้าที่ เช่น สัมภาษณ์คณะทำงานต่าง ๆ ที่เป็นผู้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลว่า เก็บที่ไหน, มีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง, ขอความยินยอมหรือยัง เพื่อนำมาออกแบบบันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ROPA) เป็นต้น
- มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ต้องคอยเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลและที่สำคัญต้องมีความรู้พื้นฐานด้าน CyberSecurity เพื่อมาตรฐานในการเก็บรักษาข้อมูลให้มีความปลอดภัย
- ไม่ทำหน้าที่อื่นใดที่ขัดแย้งต่อการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ในอาชีพนี้ต้องไม่ควรเป็นบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากการที่ได้ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคล ตัวอย่างเช่น Sales หรือ Marketing ที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้โดยตรง หรือเป็นนักกฎหมาย เพราะเมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นมา คนที่ดูแลเรื่องกฎหมายมักจะต้องเข้าข้างองค์กร ซึ่งจะขัดแย้งกับหัวใจของการทำงานในหน้าที่นี้ ซึ่งก็คือ “การปกป้องสิทธิของเจ้าของข้อมูล (Data Subject Right)”
- สามารถรายงานผู้บริหารได้โดยตรง เนื่องจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ อาจเห็นช่องโหว่ของข้อมูล และต้องการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นจึงควรที่จะสามารถรายงานตรงต่อผู้บริหาร และผลักดันข้อมูลนั้นให้ออกมาเป็นนโยบาย (Privacy Policy) เพื่อที่จะสามารควบคุมจัดการใช้งานข้อมูลได้
องค์กรสามารถใช้ DPO แบบ Outsource ได้ไหม ?
ตามมาตรา 41 ของ PDPA ระบุไว้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจเป็นคนภายในองค์กร หรือคนภายนอกองค์กรก็ได้ ซึ่งเราในฐานะของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ย่อมเห็นว่ามีความเหมาะสม เพราะตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าของข้อมูล ที่จะต้องปกป้องเจ้าของข้อมูลมากกว่าปกป้องบริษัทหรือองค์กร ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า หากเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นคนในบริษัทหรือองค์กรเอง จะมีความโน้มเอียงไปเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่าเจ้าของข้อมูล หรือไม่?
องค์กรไหนต้องมี DPO บ้าง
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ระบุถึง รายละเอียดกิจการหรือองค์กร ที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไว้ดังนี้
- ต้องเป็นหน่วยงานตามที่หน่วยงานรัฐกำหนด
- ต้องดำเนินกิจกรรมประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย) อย่างสม่ำเสมอ
- ต้องมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทข้อมูลอ่อนไหว ตามมาตรา 26
ส่วนกรณีที่มีบางองค์กรไม่เข้าเกณฑ์ข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีข้อแนะนำว่า อาจมีการแต่งตั้งตัวแทนในองค์กร เพื่อทำหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อมีเจ้าของข้อมูลมาขอใช้สิทธิตามกฎหมาย และเพื่อทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลได้
และนอกจากภาคเอกชนที่จะต้องมีการจัดตั้ง DPO ภายในองค์กรแล้ว หน่วยงานภาครัฐก็จำเป็นจะต้องมี DPO ด้วยเช่นกัน เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ออกประกาศเรื่อง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2566 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2566 นี้ โดยประกาศฉบับนี้เป็นหน่วยงานกลุ่มแรกที่จะต้องมีการจัดตั้ง DPO และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเพิ่มเติมหน่วยงานอื่น ๆ อีกในอนาคต ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าการจัดทำ DPO เป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรที่มีการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีทั้ง 2 กิจกรรมจะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย PDPA
หน้าที่หลักของ DPO ตามกฎหมายมีอะไรบ้าง
พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ได้กำหนดหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ DPO ไว้ ดังนี้
- ให้คำแนะนำ PDPA แก่คนในองค์กร โดยจัดให้มีการสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) ในเรื่องการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกวิธี ให้กับพนักงานในองค์กร เช่น จัดอบรม ให้ความรู้ PDPA กับคณะทำงานและพนักงาน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องปลอดภัย ตาม PDPA
- ตรวจสอบการดำเนินงาน การปฏิบัติตามนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การตรวจสอบว่า องค์กรมีการบันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ROPA) ถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ และมีการละเมิดนโยบายการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การนำข้อมูลไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ระบุใน Consent หรือเปล่า?
- ประสานงานกับผู้กำกับดูแล กรณีที่เกิดเหตุการณ์ ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลจากองค์กร DPO จะต้องประสานงานในการออกจดหมายแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล ให้กับสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ภายใน 72 ชั่วโมง
- รักษาความลับขององค์กร
สรุป : DPO คืออะไร มีหน้าที่อะไรในกฎหมาย PDPA
เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย PDPA ดังนั้น DPO จึงเปรียบเสมือน Key player ในการช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บ รวบรวม เปิดเผย และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึงดูแลความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและนโยบายการปกป้องข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานของนโยบายเหล่านั้นผ่านหน่วยขององค์กรทั้งหมดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าองค์กรประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA และปกป้องสิทธิของเจ้าของข้อมูลได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ